ภาพรวมเหล็กดิบทั่วโลก กันยายน 2024

ภาพรวมการผลิตเหล็กกล้าดิบทั่วโลก

ในเดือนกันยายน 2024

——————————-

ประเทศจำนวน 71 ประเทศที่รายงานข้อมูลต่อสมาคมเหล็กโลก (World Steel Association หรือ worldsteel) มีการผลิตเหล็กกล้าดิบรวม 143.6 ล้านตัน

ลดลง

4.7% เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2023

การผลิตเหล็กกล้าดิบตามภูมิภาค

– แอฟริกา : 1.9 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 2.6%)

– เอเชียและโอเชียเนีย : 105.3 ล้านตัน (ลดลง 5.0%)

– สหภาพยุโรป (EU 27) : 10.5 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 0.3%)

– ยุโรปอื่นๆ : 3.6 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 4.1%)

– ตะวันออกกลาง : 3.5 ล้านตัน (ลดลง 23.0%)

– อเมริกาเหนือ : 8.6 ล้านตัน (ลดลง 3.4%)

– รัสเซียและ CIS รวมถึงยูเครน : 6.8 ล้านตัน (ลดลง 7.6%)

– อเมริกาใต้ : 3.5 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 3.3%)

ประเทศผู้ผลิตเหล็กดิบ 10 อันดับแรก

จีน : 77.1 ล้านตัน (ลดลง 6.1%)

อินเดีย : 11.7 ล้านตัน (ลดลง 0.2%)

ญี่ปุ่น : 6.6 ล้านตัน (ลดลง 5.8%)

สหรัฐอเมริกา : 6.7 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 1.2%)

รัสเซีย : 5.6 ล้านตัน (ลดลง 10.3%)

เกาหลีใต้ : 5.5 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 1.3%)

เยอรมนี : 3.0 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 4.3%)

ตุรกี : 3.1 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 6.5%)

บราซิล : 2.8 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 9.9%)

10.

อิหร่าน : 1.5 ล้านตัน (ลดลง 41.2%)

การติดตามตัวเลขราคาเหล็กกล้าดิบทั่วโลก

สำคัญเพราะมีผลกระทบต่อหลายธุรกิจและอุตสาหกรรมในประเทศไทยและทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธุรกิจที่ใช้เหล็กเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้า เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้าง รถยนต์ เครื่องจักรกล และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น

การเปลี่ยนแปลงราคาของเหล็กกล้าดิบส่งผลกระทบในหลายด้าน ดังนี้:

ต้นทุนการผลิต : ราคาเหล็กที่สูงขึ้นจะทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าสำเร็จรูป เช่น เหล็กเส้น โครงสร้างเหล็ก เครื่องมือ และอุปกรณ์ต่างๆ อาจจะสูงขึ้นตามไปด้วย

ผู้บริโภค : ต้นทุนที่สูงขึ้นอาจทำให้สินค้าบางอย่างมีราคาสูงขึ้น เช่น ที่อยู่อาศัย รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือสินค้าในชีวิตประจำวัน

ตลาดการค้า : ราคาที่สูงกระทบการนำเข้า-ส่งออก แต่หากราคาลดลงจะเป็นโอกาสในการนำเข้าวัตถุดิบราคาถูก

โครงการในอนาคต : เมื่อราคาเหล็กสูงขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนในโครงการก่อสร้างหรือโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การสร้างสะพาน ถนน หรืออาคารขนาดใหญ่ ซึ่งอาจทำให้โครงการต้องปรับเปลี่ยนงบประมาณหรือหยุดชะงัก

การลงทุน : การติดตามตัวเลขราคา ช่วยให้นักลงทุนและผู้ประกอบการสามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจที่จะตามมาจากการเปลี่ยนแปลงของราคาวัตถุดิบหลัก